7 โรงเรียนกวดวิชายอดนิยม ที่เด็กไทยยกนิ้วให้
เทคนิคท่องศัพท์...ไม่ซ้ำใคร ต้องครูพี่แนน
| ||||
Life on Campus ได้พูดคุยกับน้องแซม นักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมน้อมเกล้า ถึงประสบการณ์การเรียนโรงเรียนแห่งนี้ “การเรียนแบบใช้เพลงเป็นสื่อการสอนช่วยได้เยอะครับ มันทำให้เราจำศัพท์ได้โดยไม่รู้ตัว เหมือนพอร้องบ่อยๆ จนชินหู เพลงมันก็ติดปาก คำศัพท์ก็จะจำได้เอง ในห้องเรียนทุกคนสนุกกับเพลงที่ครูแนนแต่งมาให้ร้อง ถึงจะมีคนอายไม่กล้าร้องบ้าง แต่ก็ต้องเพลงให้ได้ทุกคน เพราะถ้างั้นก็จะไม่ได้คำศัพท์ ส่วนคะแนนวิชาภาษาอังกฤษโอเคครับ ชอบเทคนิคการสอนด้วยเพลงของครูพี่แนน” นอกจากการสอนผ่านบทเพลงแล้ว สถาบันแห่งนี้ยังมีการสอนด้วยเทคนิคเฉพาะของ Enconcept คือ “MagiCore” ซึ่งจะมีการเน้นเรียนส่วนประกอบต่างๆ ของประโยค การอ่านจับใจความ, การฝึกทำข้อสอบที่คิดค้นขึ้นเป็นสถาบันแรก และการเรียนรู้ทักษะภาษาอังกฤษทุกด้าน ไม่เพียงแต่การเรียนการสอนในระดับมัธยมเท่านั้น ระดับชั้นประถมก็สามารถลงเรียนได้เช่นกัน เพื่อเตรียมตัวสอบเข้ามัธยมโรงเรียนชั้นนำของประเทศ ซึ่งการเรียนการสอนได้มีการพัฒนาให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น มีการนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นสื่อการเรียนการสอน เช่น การเรียนผ่านคอมพิวเตอร์ การใช้แทปเล็ต จึงทำให้เด็กยุคใหม่สามารถเข้าถึงบทเรียนได้ง่ายดายขึ้น | ||||
ปัจจุบันโรงเรียนกวดวิชา Enconcept เปิดมาเป็นระยะเวลากว่า 19 ปี มีสาขาทั้งหมด 33 สาขา ทั่วประเทศไทย จึงไม่ใช่เรื่องยากอีกแล้วสำหรับเด็กต่างจังหวัดที่มีความมุ่งมั่นอยากเรียนภาษา ก็สามารถลงเรียนที่สาขาใกล้บ้านได้ และถึงแม้ว่าไม่ได้เรียนรอบสดกับครูผู้สอนตัวเป็นๆ ก็สามารถเรียนผ่าน DVD ที่มีการอัดบรรยากาศการเรียนสดๆ รวมไปถึงระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีข้อดีคือ สามารถกำหนดเวลาที่จะเรียน เลือกเนื้อหา เรียนซ้ำในส่วนที่ต้องการได้
จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมโรงเรียนกวดวิชา Enconcept ถึงได้รับความนิยมจนถึงทุกวันนี้ เพราะไม่เพียงแต่การรับรองคุณภาพครูผู้สอนที่จบสาขาวิชาเฉพาะด้านมาแล้วด้วย เทคนิคการสอนก็ถือว่าโดดเด่นไม่เหมือนใคร อีกทั้งผลรับรองคะแนนการสอบเข้าสถาบันชื่อดังต่างๆ ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า โรงเรียนกวดวิชาแห่งนี้ไม่ธรรมดา
โรงเรียนกวดวิชาที่ได้รับการขนานนามว่า “ครู..ที่มากกว่าครู”
| ||||
นอกจากการสอนท่องศัพท์แบบเป็นจังหวะแล้ว โรงเรียนกวดวิชาครูสมศรียังมีคอร์สที่เด็กนักเรียนม.ปลายให้ความสนใจกันเป็นอย่างมากนั้นคือ คอร์สพิชิตมหาวิทยาลัย และคอร์สตะลุยข้อสอบ ที่มีการรวบรวมข้อสอบย้อนหลังมาให้ผู้เรียนฝึกทำ ทั้งด้านทักษะการอ่าน การฟัง ไวยากรณ์ ทำให้เด็กไม่ต้องไปเสียเวลาในการค้นหาคลังข้อสอบเก่าๆ เพื่อมาลองทำโจทย์ข้อสอบในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ปัจจุบันโรงเรียนกวดวิชาครูสมศรีมีทั้งหมด 20สาขาทั่วประเทศไทย จึงทำให้คนที่อยู่ต่างจังหวัดมีโอกาสในเรียนโรงเรียนกวดวิชาครูสมศรีได้มากขึ้น | ||||
ไม่เพียงแต่สอนเนื้อหาวิชาภาษาอังกฤษเพียงอย่างเดียว ครูสมศรียังได้สอดแทรกเรื่องคุณธรรมและจริยธรรมไว้อยู่เสมอ เช่น การพูดให้เด็กนักเรียนเกิดแรงบันดาลใจในการตั้งใจเรียน ให้รู้คุณบิดามารดา อย่างคำสอนที่ว่า “ทุกหยาดเหงื่อที่ไหลรินของพ่อแม่ ถูกแปรเปลี่ยนมาเป็นเงินให้เราได้เล่าเรียน” ถือเป็นอีกหนึ่งคำสอนที่ครูสมศรีพูดเสมอในขณะที่สอนอยู่ และเพื่อเป็นกำลังใจให้เด็กนักเรียนที่กำลังท้อแท้ใจ และเคร่งเครียดกับการเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย จนนักเรียนที่ได้มาเรียนที่นี่ให้คำจำกัดความครูสมศรีว่าเป็น “ครูที่มากกว่าครู”
จากโต๊ะปิงปอง สู่สถาบันกวดวิชาอันดับต้นๆ ของประเทศ!
| ||||
ติวเตอร์ภาษาไทย-สไตล์ทอล์กโชว์ที่แรกในไทย | ||||
เมื่อพูดถึงชื่อ “ครูลิลลี่” หลายคนต้องรู้จักอย่างแน่นอน เพราะเขาคือครูวิชาภาษาไทยที่สอนสนุกและมียุทธวิธีการสอนที่แพรวพราว จากสถาบัน “พีนาเคิล” จนกลายเป็นครูภาษาไทยที่สอนได้โดนใจวัยรุ่นมากที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ส่วนเทคนิคการสอนที่โดดเด่นและที่ทุกคนรู้จักกันดีคือ “การสอนแบบทอล์กโชว์วิชาการ” ที่เน้นสนุก ทำให้การสอนเช่นนี้ไม่เหมือนกับการสอนทั่วๆ ไป ที่ทำให้ผู้เรียนได้รับทั้งความรู้และความสนุก เหมือนไปนั่งฟังบรรยายที่ได้ทั้งสาระและความเฮฮามากกว่านั่งเรียนวิชาที่น่าเบื่อ
การสอนของครูลิลลี่จะเน้นไปที่บทความเป็นหลัก จะนำบทความวิชาภาษาไทยมาใช้เป็นสื่อในการสอน และนำประเด็นมาคิดวิเคราะห์ วิธีนี้มีส่วนช่วยให้เข้าใจภาษาไทยและสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้อง เพราะข้อสอบภาษาไทยในการเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้น ส่วนใหญ่จะให้เป็นบทความมา เพื่อให้คิดวิเคราะห์สิ่งที่ผู้แต่งเขียน ว่าต้องการจะสื่ออะไรให้ผู้อ่าน และด้วยการสอนที่สบายๆ ง่ายๆ ยิงมุขตลกตลอดคาบเรียนให้นักเรียนเข้ามามีส่วนร่วม รวมไปถึงเคล็ดลับการทำข้อสอบที่โดนใจนักเรียนสุดๆ นั่นคือ คลังข้อสอบภาษาไทย ซึ่งตรงและใกล้เคียงกับข้อสอบที่ใช้ในการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย
ปัจจุบันโรงเรียนกวดวิชาครูลิลลี่มีทั้งสิ้น 21 สาขาทั่วประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนที่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดและบ้านไกล จะได้สามารถเรียนในสาขาใกล้บ้านได้ โดยมีรอบสอนสดอยู่ที่สาขาสยามแควร์ นอกจากนนี้ยังมีการเรียนการสอนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ หรือการเรียนผ่าน DVD ซึ่งขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้เรียนแต่ละคน
“We by The Brian” โรงเรียนกวดวิชา วิทย์-คณิต อันดับ 1 ของประเทศ! | ||||
หากพูดถึงวิชาคณิตศาสตร์ หลายคนอาจส่ายหน้า เพราะเป็นวิชาที่ยากและยังมีสูตรเยอะแยะมากมายให้ท่องให้จำ ยิ่งเรียนในระดับสูงๆ เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วด้วย เนื้อหาก็ยิ่งยากเข้าไปอีก ดังนั้นการหาโรงเรียนกวดวิชาที่มีคุณภาพด้านการสอนวิชาคณิตศาสตร์นั้น จึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้เด็กนักเรียนได้คะแนนวิชาคณิตศาสตร์มากขึ้นกว่าเดิม “We by The Brain” ถือเป็นอีกหนึ่งโรงเรียนกวดวิชาที่มีชื่อเสียงในด้านการสอนวิชาคณิตศาสตร์มาเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดและทำให้โรงเรียนแห่งนี้ติดอันดับต้นๆ ด้านการสอนวิชาคณิตศาสตร์นั้นคือ เทคนิคการสอนที่สนุกสนานและไม่น่าเบื่อ เพราะขึ้นชื่อว่าวิชาคณิตศาสตร์ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องสอนการคำนวณสูตรต่างๆ แก้สมการ และเทคนิคการจดจำสูตรให้ได้ผล ดังนั้นการมีมุขตลอดสอดแทรกจึงเป็นจุดขายสำคัญที่ทำให้ผู้เรียนไม่เบื่อหน่ายกับเนื้อหาที่ยากเกินไป จึงทำให้ได้รับความรู้และความสนุกไปพร้อมๆ กัน
| ||||
Life on Campus ได้สอบถามถึงประสบการณ์การเรียนที่โรงเรียนกวดวิชาของ “ปัน” นักเรียนโรงเรียนสตรีวิทยา ที่เคยลงคอร์สติวเข้มก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย “จริงๆ เหตุผลที่ปันเลือกเรียนเพราะเดอะเบรนมีชื่อเสียงด้านการสอนเลข และมีรุ่นพี่แนะนำมาว่าที่นี่สอนดี ก็เลยมาสมัครเรียนในคอร์สเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ส่วนตัวแล้วชอบเทคนิคการสอนเพราะอาจารย์ที่นี่สอนไม่เหมือนในโรงเรียน ที่โรงเรียนปันจะสอนพื้นฐานะเบสิกทั่วไป ส่วนโรงเรียนกวดวิชาจะมีอะไรที่มากกว่า พวกการคิด เทคนิคการจำสูตรต่างๆ วิธีคิดทางลัดให้ทำข้อสอบได้เร็วมากขึ้น โดยรวมถือว่าคะแนนเป็นที่น่าพอใจ และอาจารย์ที่สอนก็มีมุขตลกมาเล่นตลอด ทำให้ตอนเรียนไม่น่าเบื่อ”
นอกจากนี้โรงเรียนกวดวิชาเดอะเบรนยังได้รับการยอมรับว่า “มีนักเรียนให้ความนิยมเรียนสูงสุดในประเทศ” จากการสำรวจของช่อง 7 สี และในเดือนมกราคม ปี 2554 โรงเรียนเดอะเบรนสามารถติวนักเรียน ม.ปลาย สอบติดเข้ามหาวิทยาลัยปีละหลายหมื่นคน นี้จึงอาจเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้โรงเรียนกวดวิชาแห่งนี้ได้รับการยอมรับและได้รับความสนใจสมัครเข้ามาเรียนของนักเรียนจำนวนมาก
| ||||
อีกหนึ่งโรงเรียนกวดวิชาที่เอาใจเด็กสายวิทย์-คณิต นั้นคือ “โรงเรียนกวดวิชาวรรณสรณ์” หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกติดปากกันในชื่อ “เคมี อาจารย์อุ๊”หรือ อาจารย์ อุไรวรรณ ศิวะกุล ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสอนวิชาเคมี จนทำให้โรงเรียนกวดวิชาวรรณสรณ์มีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับความนิยมมาเป็นเวลานาน
ส่วนเทคนิคการสอนที่ทำให้เด็กสายวิทย์-คณิตติดใจกันเป็นแถว เห็นจะเป็นประสบการณ์การสอนที่ยาวนาน ทำให้รู้จุดบกพร่องและปัญหาของเด็ก และเข้าแก้ไขได้อย่างตรงจุด เทคนิคการจดจำสูตรต่างๆ ของโรงเรียนกวดวิชาแห่งนี้ก็ได้รับการยอมรับว่าสามารถนำไปใช้ได้จริง Life on Campus จึงทำการสอบถามจาก “ขวัญ” นักเรียนโรงเรียนเบญจมราชาลัยเกี่ยวกับการเรียนการสอนของสถาบันแห่งนี้ “ขวัญลงเรียนคอร์สเอนทรานส์ รอบสดกับ อ.อุ๊ ส่วนตัวแล้วชอบเทคนิคการสอนของอ.มาก แต่ที่ชอบสุดๆ คือการใช้คำและการเรียบเรียงเนื้อหาและโจทย์ของอ. ทำให้เรารู้สึกว่าเคมีเป็นอะไรที่ง่าย หนังสือของโรงเรียนเคมีอ.อุ๊ ถือว่าทำได้ดีจริงๆ มีการปรับปรุงอยู่ตลอด ทั้งโจทย์และแบบฝึกหัด ขวัญว่าอ.อุ๊ เขาสอนมาเป็นเวลานาน และมีประสบการณ์มากพอที่จะเข้าใจว่าเด็กอ่อนตรงไหน ไม่เข้าใจตรงไหน ส่วนการใช้คำพูดของอ.อุ๊ ก็ใช้คำง่ายๆ ในการอธิบายให้เด็กฟัง” นอกจากนี้โรงเรียนกวดวิชาเคมี อ.อุ๊ ยังมีการรวบรวมข้อสอบเก่าๆ ทุกปี มาให้ผู้เรียนได้หัดทำแบบฝึกหัดกันอย่างคล่องมือ
| ||||
Life on Campus ได้พูดคุยกับ “แอน” นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนวัดเขมาภิรตารามถึงการเรียนผ่านคอมพิวเตอร์ “แอนลงคอร์สเตรียมสอบ เรียนในระบบคอมพิวเตอร์ คือแอนคิดว่าดีนะ เพราะเราสามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเราเอง อย่างถ้าเราไม่เข้าใจตรงไหน เราก็กดหยุดและฟังมันซ้ำๆ ได้ หรือตรงไหนที่ง่ายก็เลื่อนให้เร็วได้ แต่ถ้าเรียนรอบสดบางทีก็ไม่กล้าถามครูสอน เพราะกลัวเพื่อนที่เขาเรียนไว ไปไวกว่า จะว่าเอา ไม่อยากให้ใครต้องมารอเรา แต่เรียนผ่านคอมแบบนี้มันก็ดี มีสมาธิดีด้วย เพราะทุกอย่างเราควบคุมได้หมด”
เมื่อถามถึงสิ่งที่ได้นำไปใช้จากการเรียนพิเศษโรงเรียนแห่งนี้แอนให้ความคิดเห็นว่า “สิ่งที่นำไปใช้ได้จริงๆ คือการฝึกทำโจทย์ค่ะ เพราะที่นี่สอนให้ทำแบบฝึกหัดทุกครั้ง การทำโจทย์บ่อยๆ แอนว่าช่วยได้เยอะ เพราะเราจะผ่านตา รู้วิธีคิด วิธีใช้สูตรต่างๆ เหมือนกับว่าถ้าเราอ่านแต่เนื้อหาอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องหมั่นทำโจทย์ ทำข้อสอบเก่าๆ ด้วย มันถึงจะได้ผล”
อย่างไรก็ตามการเลือกเรียนโรงเรียนกวดวิชานั้น ควรเลือกให้เหมาะกับตัวเองมากที่สุด และต้องเรียนไปเพื่อใช้เพิ่มความรู้และความเข้าใจ รวมถึงเพิ่มคะแนนให้ดียิ่งขึ้น ไม่ใช่สมัครเรียนเพราะตามเพื่อนหรือตามกระแสเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดประสิทธิภาพคงเป็นเรื่องของ “การหมั่นทบทวนบทเรียน” และหัดทำแบบฝึกหัดอยู่สม่ำเสมอ เพราะการเรียนอย่างเดียวโดยไม่ทบทวนความรู้ที่ได้มา หรือไม่หมั่นทำโจทย์ ทำข้อสอบเก่าๆ สิ่งที่เรียนมานั้นก็จะไม่เกิดประโยชน์นั้นเอง
ที่มา : http://www.manager.co.th/Campus/
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น