วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เรียนพิเศษจำเป็นไหมเธอ? เรื่องงงงจากคุณแม่



เรียนพิเศษจำเป็นไหมเธอ? เรื่องงงงจากคุณแม่



หนุ่มน้อยทั้งสาม (อายุ 19, 18 และ 13 ปี) เรียนเมืองไทยมาได้ 5 ปีเต็มๆแล้วหลังจากที่เรียนอยู่ออสเตรเลียกันมา 6 ปี โดยที่พี่วั้นกับพี่เหน่นก็เรียนในเมืองไทยกันตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงประถม 3 และประถม 4 ก่อนที่จะต้องตุเรงๆไปกับคุณแม่คุณพ่อกันทั้ง 3 หนุ่ม (เพราะคุณแม่ไม่ยอมไปเรียนโดยไม่มีลูกๆเล็กอยู่ใกล้ตัวแน่นอน) ส่วนน้องฟุงนั้นไปเริ่มเรียนในโรงเรียนอนุบาลที่เมือง Perth เลยก่อนจะกลับมาเมืองไทย ตอนที่กลับมายังอ่านภาษาไทยแทบจะไม่ได้เลยด้วย   และเมื่อเรากลับมาเรียนในเมืองไทย คุณแม่ตั้งใจไว้เลยว่าจะให้ลูกเรียนโรงเรียนธรรมดาที่ไม่ใช่อินเตอร์ เพราะอยากให้ลูกได้ภาษาไทยกลับมาให้เต็มที่ที่สุด ภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะต้นทุนที่มีอยู่เขาน่าจะได้ใช้อยู่แล้ว เพราะเราหาดูหนังฟังเพลงอ่านหนังสือภาษาอังกฤษไม่ยากเลย ลูกๆเข้าสู่ระบบโรงเรียนไทยได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ 


แต่สิ่งที่เราไม่เคยเข้าใจก็คือ ทำไมเด็กๆนักเรียนทั้งหลายจึงต้องเรียนพิเศษกันมากมายเหลือเกิน เพื่อนๆของลูกแทบทุกคนมีเรียนพิเศษ ไม่วิชาใดก็วิชาหนึ่ง เคยถามลูก พี่วั้นก็บอกว่า มันทำให้เรียนได้ง่ายและเร็วขึ้นในบางเรื่อง เพราะโรงเรียนพิเศษจะสอนสูตรการเรียนลัดต่างๆและเน้นสิ่งที่ใช้สอบ เคยถามพี่วั้นว่าจำเป็นไหม พี่วั้นก็บอกว่า หาอ่านเอาก็ได้


ไปๆมาๆดูแล้ว โรงเรียนพิเศษทั้งหลายมีไว้เพื่อให้เด็กๆทำข้อสอบได้ดีขึ้น ซึ่งสำหรับคุณแม่อย่างเราที่ไม่ได้สนใจว่าลูกทำข้อสอบได้ดีหรือไม่ แต่สนใจว่าลูกได้เรียนรู้สิ่งที่ควรรู้หรือไม่ มีความสุขสนุกสนานกับสิ่งที่ได้เรียนหรือเปล่า การสอบในโรงเรียนก็น่าจะเป็นเพียงสิ่งสะท้อนผลเหล่านี้ สำหรับพวกเราพ่อแม่ รู้สึกว่าสิ่งที่โรงเรียนมีให้เรียนก็มากมายเกินจำเป็นอยู่แล้ว ก็เลยไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่ลูกจะต้องเอาเวลาที่ควรจะได้พักผ่อน มีความสุขกับชีวิตไปใช้เพื่อเรียนพิเศษ และดีที่ลูกก็ไม่คิดว่าจะต้องเรียนตามที่เพื่อนๆเรียน ผลสอบในโรงเรียนของลูก ก็ไม่เคยน่าเป็นห่วง แม้ไม่ถึงระดับดีเด่นแต่ลูกก็มีความสุขกับสิ่งที่ทำได้ ไม่ได้สนใจจะแข่งขันอะไรกับใคร 


มาถึงวันนี้ที่พี่วั้นก็ผ่านไปเป็นนักศึกษาปีที่ 2 แล้วและพี่เหน่นก็สอบตรงได้ในสาขาและมหาวิทยาลัยที่ต้องการแล้ว ส่วนน้องฟุงก็เลือกเรียนโปรแกรมพิเศษ (น่าจะเป็นเพราะเหตุผลพิเศษที่ไม่เหมือนใครของเขานั่นเอง) ที่เรียนเข้มอยู่แล้วโดยไม่ต้องเรียนพิเศษอะไรเพิ่มเติมอีก ทั้งสามคนก็ดูจะมีความสุขดีกับชีวิตที่ไม่เคยเรียนพิเศษ แถมดูจะเป็นเรื่องเท่เก่ไก๋อีกต่างหากที่เรียนได้สบายๆโดยไม่ต้องเรียนพิเศษ


            ทำให้คุณแม่อยากมายืนยันว่า การเรียนพิเศษไม่น่าจะเป็นเรื่องจำเป็นของเด็กๆนักเรียน แต่ก็ต้องมีพื้นฐานมาจากการที่เราต้องสอนให้ลูกรู้หน้าที่ของตัวเองและรับผิดชอบสิ่งที่เป็นหน้าที่ของตัวเองตั้งแต่ลูกยังเล็กๆ คือรู้ว่าต้องเรียนให้เต็มที่ในเวลาเรียน รู้ว่างานต่างๆที่คุณครูมอบให้ทำเป็นสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ รู้วิธีหาความรู้ที่อยากรู้ และเราพ่อแม่ต้องไม่เคร่งเครียดกับการสอบแข่งขันกับคนอื่น ให้กำลังใจลูกที่จะพัฒนาตัวเองโดยแข่งกับตัวเอง ใช้ผลการเรียนของลูกเองเป็นฐานในการตัดสิน เมื่อลูกทำดีขึ้นก็ชื่นชม หากเขาแย่ลงก็อาจจะช่วยดูช่วยคิดวิเคราะห์ว่าเป็นเพราะอะไร มีอะไรที่เราสมควรช่วยเหลือหรือไม่ อย่างไร ให้เกียรติลูกที่จะเป็นคนตัดสินใจในเรื่องเรียนของลุกเอง อย่าเอาตัวเราหรือมาตรฐานของเรา (ที่เราเองก็อาจจะทำไม่ได้ด้วยซ้ำ) ไปเป็นตัวตั้งสำหรับลูก เอาใจลูกมาใส่ใจเราว่า เราเองเคยทำได้ดีกว่าที่ลูกทำหรือไม่ ได้เห็นพ่อแม่หลายท่านที่ช่างไปตั้งเป้าหมายกับลูกในสิ่งที่ตัวเองก็ทำไม่ได้ เคี่ยวเข็นกันจนลูกหมดความภูมิใจในตัวเอง น่าเสียดายโอกาสอันดีในวัยเด็กของลูกๆนะคะ อย่าให้ต้องเสียไปกับการเรียนพิเศษกันเสียหมด ยังมีอะไรๆในชีวิตอีกมากที่เขาควรจะได้ใช้เวลาในวัยนี้กับความสนุกสนานของวัยเด็กทำกิจกรรมกับพ่อแม่ แทนที่จะเป็นเพียงพ่อแม่ไปเทียวรับส่งไปเรียนพิเศษกันจนเหนื่อยแบบที่เห็นๆกันอยู่ 



บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย โอ๋-อโณ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น